วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

งานชิ้นที่ 2
Comparison between English and Thai Alphabets
(การเปรียบเทียบระหว่างตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวอักษรภาษาไทย)

เคยสงสัยกันไหมว่า ภาษาอังกฤษมีวิธีการอ่านอย่างไร ทำไมตัว C,ตัว A และตัว T รวมกันแล้วจึงอ่านว่า แคท ที่แปลว่าแมวได้ นั่นก็เพราะว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษแต่ละตัวจะมีการออกเสียงที่คล้ายคลึงกับภาษาไทย ดังตารางการเปรียบเทียบการออกเสียง ดังนี้
พยัญชนะในภาษาอังกฤษที่ตรงกับภาษาไทย
B = b(บี) = บ
C = c(ซี) = ค หรือ ซ
D = d(ดี) = ด
F = f(เอฟ) = ฟ
G = g(จี) = ก หรือ จ
H = h(เอช) = ฮ หรือ ห
J = j(เจ) = จ หรือ ย
K = k(เค) = ค หรือ ก
L = l(แอล) = ล
M = m(เอ็ม) = ม
N = n(เอ็น) = น หรือ ณ
P = p(พี) = พ
Q = q(คิว) = คว
R = r(อาร์) = ร
S = s(เอส) = ซ ส ษ หรือ ศ
T = t(ที) = ท หรือ ต
V = v(วี) = ฟว
W = w(ดับเบิลยู) = ว
X = x(เอ็กซ์) = ก หรือ กซ เมื่อใช้สะกด
Y = y(วาย) = ย
Z = zแซด(ซี) = ซ
KH = kh(เขอะ) = ข
CH = ch(เชอะ) = ฉ หรือ ช
SH = sh(เชอะ) = ช
TH = th(เธอะ) = ธ หรือ ฐ
NG = ng(เงอะ) = ง


สระในภาษาอังกฤษที่ตรงกับภาษาไทย
สระ คำอ่าน ตรงกับภาษาไทย
A = a(เอ) = สระแอ หรือ อา
E = e(อี) = สระเอ หรือ อี
I = i(ไอ) = สระอิ หรือ ไอ
O = o(โอ) = สระออ หรือ โอ
U = u(ยู) = สระอุ หรือ ไม้หันอากาศ
AI = ai(ไอ) = สระไอ
AIR = air(แอ) = สระแอะ หรือ แอ
AO = ao(เอา) = สระเอา
AY = ay(เอ) = สระเอ
EE = ee(อี) = สระอี
EAR = ear(เอีย) = สระเอีย
OO = oo(อู) = สระอู
UA = ua(อัว) = สระอัว หรือ สระเอือ
UR = ur(เออ) = สระเออ
Y = y(วาย ,อี) = สระอี หรือ อาย

ตามที่ได้เรียนรู้มาแล้วนั้นว่าตัว A,E,I,O,U นั้นเป็นสระ แต่เมื่อนำมารวมเป็นคำแล้ว สระในภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ข้างหน้าแบบสระเอ ไม่ได้วางข้างบนแบบสระอิ ไม่ได้วางข้างล่างแบบสระอุ และวางข้างหลังแบบสระอา เหมือนกับภาษาไทยที่เราคุ้นเคยกัน เพราะในภาษาอังกฤษมีกฎอยู่ว่า สระจะต้องอยู่ข้างหลังพยัญชนะเท่านั้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
man
ตัว m แทนด้วย ม
ตัว a แทนด้วย สระแอ
และตัว n แทนด้วย น
จึงอ่านว่า แมน แปลว่า ผู้ชาย
bed
ตัว b แทนด้วย บ
ตัว e แทนด้วย สระเอ
และตัว d แทนด้วย ด
จึงอ่านว่า เบด แปลว่า เตียงนอน
Thai
ตัว Th แทนด้วย ธ
ตัว ai แทนด้วย สระไอ
จึงอ่านว่า ไธ แปลว่า ภาษาไทย
seem
ตัว s แทนด้วย ซ
ตัว ee แทนด้วย สระอี
และตัว m แทนด้วย ม
จึงอ่านว่า ซีม แปลว่า ดูเหมือนว่า

การจะอ่านภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง นอกจากการเทียบเสียงตามแบบภาษาไทยแล้ว ก็ควรจะมีการฝึกฝนการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ เพื่อจะได้เกิดความชำนาญและลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

Exercise 1 : Choose the word which has the same vowel pronunciation.
1. man
a) put b) pen
c) van d) fit
2.hit
a) bow b) bit
c) hen d) cat
3.hot
a) foot b) pull
c) pot d) jam
4.ten
a) fan b) been
c) men d) oil
5.fun
a) bow b) fan
c) gun d) pen
6.my
a) me b) eye
c) girl d) boy
7.near
a) her b) fear
c) shirt d) skirt
8.kitten
a) wedding b) kitchen
c) farmer d) dozen
9.December
a) remember b) carpenter
c) computer d) consumer
10.carpenter
a) interest b) apartment
c) bartender d) scanner

Exercise 2 : Write these names into English.
1.สุนิสา ……………………….……...…...……
2.อารียา ……………….………………..….....
3.อินทิรา ………………………..…………......
4.พิทักษ์พงศ์ …………………..….….….………
5.ยงยุทธ์ ………………………………......……

Answer Exercise 1
1.c 2.b 3.c 4.c 5.c 6.b 7.b 8.b 9.a 10.c

Answer Exercise 2
1.Sunisa 2.Areeya 3.Intira 4.Pitukpong 5.Yongyuth

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554


ซานตาคลอส
สำหรับตำนานของ ซานตาคลอส (Santa Claus) นั้น มีเรื่องเล่าว่า ซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา ที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 4 โดยชีวิตในวัยเด็กของเซนต์ นิโคลัส อาศัยอยู่ทางฝั่งทะเลตอนใต้ของตุรกี และเขาต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว เนื่องจากชาวโรมัน ผู้ครอบครองดินแดนแถบนั้นกดขี่ชาวคริสเตียน ต่อมาบิดามารดาของเซนต์ นิโคลัส เสียชีวิตลงและได้ทิ้งทรัพย์สมบัติให้เขาไว้มากมาย

วันหนึ่ง เซนต์ นิโคลัส เกิดสงสารครอบครัวเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยากจน ด้วยความมีน้ำใจและใจบุญสุนทาง เขาจึงปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของครอบครัวยากจนนี้ แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ แต่บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ทำให้ครอบครัวแปลกใจที่ใครมาช่วยเหลือพวกเขา ก่อนจะแอบดูและทราบในที่สุดว่า ผู้ใจบุญคนดังกล่าวคือ เด็กหนุ่มนามว่า นิโคลัส นั่นเอง

เซนต์ นิโคลัส
ต่อมา นิโคลัส ได้เข้าเป็นนักบวชคริสเตียน ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่ง บิชอฟ แล้วย้ายไปดำรงตำแหน่งสังฆราชแห่งเมืองไมรา (Myra) ซึ่งขณะนั้น ท่านสามารถประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่แล้ว เพราะจักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรโรมสนับสนุนศาสนาคริสต์ ท่านเซนต์ นิโคลัส จึงเผยแผ่ศาสนา และอุทิศชีวิตให้กับคริสต์ศาสนาจนมีชื่อเสียงลือเลี่ยงไปทั่ว ก่อนจะมรณภาพในวันที่ 6 ธันวาคม ราวปี ค.ศ. 340 คริสต์ศาสนิกชนจึงได้สร้างโบสถ์เก็บรักษาศพของท่านไว้ ณ เมืองไมรา เพื่อให้ผู้แสวงบุญเดินทางมาเคารพศพ และยังได้เกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์ เมื่อมีน้ำมนต์ไหลออกมาจากกระดูกของท่าน ซึ่งเรียกว่า "มานนา"
แต่ทว่าชาวเมืองบารี่ เมืองเล็ก ๆ ในอิตาลี ต้องการหาสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองของตัวเอง จึงได้ว่าจ้างนักโจรกรรม นำโดยแมทธิว เป็นหัวหน้าของกลุ่ม ไปโจรกรรมกระดูกของเซนต์ นิโคลัส ที่เมืองไมรา กลับมายังเมืองบารี่ เมื่อกลุ่มโจรกรรมทำงานสำเร็จ ชาวบารี่ก็ได้สร้างโบสถ์เพื่อบรรจุกระดูกเซนต์ นิโคลัส และยังพบความมหัศจรรย์ เมื่อมีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ไหลซึมออกมาจากกระดูกของท่านเช่นเดียวกัน ซึ่งนักแสวงบุญนำได้น้ำมนต์นี้ไปรักษาโรค ก็รักษาได้ผลชะงัด และจากนั้นสถานที่แห่งนี้ ก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดที่ทำให้คริสต์ศาสนิกชนแห่แหนมาคารวะกระดูกท่านเซนต์ นิโคลัส ที่เมืองบารี่อย่างล้นหลาม


โบสถ์เซนต์ นิโคลัส ในเมืองบารี่ ประเทศอิตาลี
กระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชาวเมืองฝรั่งเศสได้กำหนดให้วันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันมรณภาพของเซนต์ นิโคลัส เป็นวันเซนต์ นิโคลัส และได้นำถุงเท้าที่ใส่อาหาร ขนมไปแขวนไว้หน้าบ้านของคนยากไร้ตามแบบอย่างท่าน ก่อนที่ประเพณีนี้จะแพร่อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป และแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะได้มีการผนวกวันเฉลิมฉลองเซนต์ นิโคลัส เข้ากับวันคริสต์มาส
ต่อมาจิตรกรนาม "โธมัส นาสต์" (Thomas Nast) ได้เขียนภาพซานตาคลอสขึ้นมาเป็นชายแก่ร่างอ้วนใส่เสื้อผ้า และหมวกสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก โดยจะปรากฎตัวในวันคริสต์มาส ลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็ก ๆ ที่แขวนถุงเท้าไว้นั่นเอง
และนี่เรื่องตำนานของ ซานตาคลอส ที่บอกเล่าสืบต่อกันมาช้านาน แน่นอนว่า เรื่องราวของ ซานตาคลอส ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตำนานเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่ ซานตาคลอส ถือเป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" และ "ความเมตตา" ที่มีให้เพื่อนมนุษย์ที่ร่วมโลกใบเดียวกันอีกด้วย

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

20 เคล็ดลับในการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดี


1.ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
2.เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำ
ศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่
3.วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความ
ทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต
4.แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น
5.สร้าง: ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย
6.ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป
7.ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่พยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น
8.เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !
9.ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน
10.สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ

11.ยอมรับความจริง ไม่มีใครพูดภาษาที่สองได้ตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้กันทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าจะต้องเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น

12.เรียนรู้ทีละนิด จากการศึกษาพบว่า การทบทวนเป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่น ในระหว่างทานอาหารเช้า ในขณะอาบน้ำ หรือในขณะเดินทาง จะส่งผลให้คุณจดจำได้ดีกว่า

13.ท่องศัพท์ ยิ่งคุณรู้ศัพท์มากเท่าไหร่ คุณก็สามารถพูดและเข้าใจได้มากขึ้นเท่านั้น เทคนิคในการจดจำคำศัพท์ คือ พกการ์ดใบเล็กๆที่เขียนคำศัพท์ (ที่มีคำแปลอยู่ด้านหลัง) ไปกับคุณทุกที่

14.ฝึกหัดอย่างจริงจัง อย่าแค่ทำปากขมุบขมิบหรือท่องเอาไว้ใสใจ พูดหรืออ่านออกมาดังๆ ในทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อจะได้ฝึกปากของคุณให้เคยชินกับการออกเสียง
15.ทำการบ้าน การทำการบ้านคือการฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาให้เป็นไปอย่างแม่นยำ จนกลายเป็ความชำนาญ และสามารถทำออกมาได้อย่างอัตโนมัติในที่สุด

16. จับกลุ่มเรียน หาเวลาทบทวน ทำการบ้าน หรือแค่ฝึกพูดภาษานั้นๆ กับเพื่อนๆ เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องให้กันและกันได้ แถมยังทำคุณจดจำได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย

17.หาจุดอ่อน คุณควรหาจุดอ่อนในการเรียนของตัวเองให้เจอ เพื่อที่จะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ก็บังคับตัวเองให้เลือกที่นั่งแถวหน้าในห้องเรียนซะ


18.หาโอกาสในการใช้ภาษา เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับภาษานั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเจ้าของภาษาเช่าหนังที่พูดภาษานั้นๆ มาดูหรือแม้กระทั่งหาแฟนที่เป็นเจ้าของภาษานั้นซะเลย

19. ทุ่มความสนใจ พูดง่ายๆ ก็คือ หายใจเข้าออกก็ให้เป็นภาษานั้น เรียนรู้ภาษานั้นๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างจริงจังและเต็มที่ถึงขนาดถึงขนาดถ้าฝันได้ก็อาจฝันเป็นภาษานั้นๆ ด้วย

20. ปรึกษาผู้รู้ ถ้ามีปัญหาหรือติดขัดอะไร ก็ต้องสอบถามครูผู้สอนหรือเจ้าของภาษานั้นทันที เพื่อทำลายกำแพงที่เป็นอุปสรรคในการเรียนออกไปให้เร็วที่สุด คุณจะได้ไม่ต้องสะดุดอยู่นานเกินไปซึ่งนั้นอาจทำให้คุณเกิดความเบื่อหน่ายได้